09 กรกฎาคม 2551

ปฏิวัติไม่ใช่ทางแก้ปัญหา

บทเรียนหลายครั้งที่คนไทยทั้งประเทศได้รับเกี่ยวกับการปฏิวัติ หรือรัฐประหาร ซึ่งหมายถึงการใช้กำลังทางทหารเข้ายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเปลี่ยนการปกครองบ้านเมืองให้อยู่ภายใต้การกำหนดของผู้นำกองทัพ ไม่อาจทำให้ปัญหาต่าง ๆ ของประเทศคลี่คลายลงได้ แม้การกระทำนั้น จะอ้างเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติของบ้านเมืองที่เผชิญอยู่ขณะเข้าทำการก็ตาม ทั้งนี้ก็เพราะวิธีการเพื่อให้ได้อำนาจปกครองโดยการใช้กำลังไม่เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ รวมถึงคนร่วมชาติกลุ่มใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย แต่ถึงจะไม่เป็นที่ยอมรับ ก็กลับพบว่าทุกคราวที่บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะที่ต่างฝ่ายไม่อาจหาทางออกได้ มักเกิดกระแสข่าวลือหรือเสียงเรียกร้องจากบางกลุ่มให้ทหารออกมากอบกู้สถานการณ์ และมีหลายครั้งที่อ้างการเคลื่อนไหวกำลังเพื่อการปฏิวัติที่คล้ายเป็นการหยั่งความรู้สึกของสังคม ท่ามกลางกระแสข่าวและเหตุการณ์ที่ก่อความอึดอัดแก่ฝ่ายต่าง ๆ โดยที่ผ่านมาวิธีทำนองนี้เคยส่งผลให้เกิดการยึดอำนาจกันมาแล้ว ในช่วงที่กำลังเผชิญกับปัญหาหลายด้าน และมีอาการว่าบางเรื่องอาจนำไปสู่ทางตันของการแก้ไข เช่นในขณะนี้ ก็มีข่าวทำนองเดียวกันอีก แต่จังหวะเดียวกันนั้น พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ได้ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธกระแสข่าวที่มีทหารกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหวที่จะทำปฏิวัติ โดยยืนยันว่าไม่เคยได้ยินและทหารก็ไม่ชอบการปฏิวัติ ทั้งเชื่อว่าไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น โดยให้ข้อสังเกตว่าเมื่อมีปัญหาทางการเมือง มักคิดว่าจะเกิดการปฏิวัติ เพราะคิดว่าสามารถจะแก้ปัญหาได้ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าไม่สามารถแก้ได้ การปฏิเสธข่าวการเคลื่อนไหวและยืนยันว่าทหารไม่ชอบการปฏิวัติของผู้นำสูงสุดทางทหารในครั้งนี้ เป็นสัญญาณที่ดีว่าทุกฝ่ายไม่ควรวิตกต่อการนำพาประเทศกลับไปสู่จุดที่ไม่พึงปรารถนาของสังคมโลก แต่ในเวลาเดียวกัน นักการเมืองและประชาชนก็ต้องปรับวิถีทางความคิดในการแสวงหาแนวทางจัดการปัญหาตามสภาพบนพื้นฐานประชาธิปไตย ภายใต้หลักกฎหมายและจารีตประเพณี ที่อาจจะไม่ฉับไว ทันใจ แต่จะเป็นทางออกที่ช่วยให้เกิดความรู้และประสบการณ์รับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่ทำให้เกิดความยุ่งยากอย่างอื่นตามมา กระนั้นเพื่อความไม่ประมาท ก็ไม่ควรละเว้นการศึกษาว่ามีจุดอ่อนไหวในเรื่องใดที่ทหารรับไม่ได้ จนอาจตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่ชอบขึ้นมา.
ที่มา เดลินิวส์ ประจำวันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

7 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

การที่มีการปฎิวัติขึ้นมาก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่จะแก้ปัญหาแต่ถ้ามองอีกมุมล่ะก็การปฏิวัติเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาต่างๆๆๆมากมายที่เกิดในประเทศของเรา


ลองคิดกันดูนะว่าดีหรือไม่ดี

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

จริงในบางกรณี แต่ในบางครั้งการปฏิวัติก็ช่วยแก้ปัญหาได้ ไม่งั้นเค้าจะปฏิวัติกันเรอะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ช่ายๆๆเหงด้วยกะจอมยุทธเซ่

บางครั้งถ้าปล่อยให้ปัญหาไว้นานๆ

ก็ใช่จามีประโยชน์ สู้ปฏิวัติซะ

อะไรอาจจาดีขึ้นก็ได้

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ไม่มีความคิดเห็นอ่ะ

แต่อยากรู้เหตุผลที่แท้จิงว่าทำไปเพื่อ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

จริงๆแล้วคนที่ปฏิวัติถ้ามีใจเป็นกลาง ไม่เห็นแก่ประโยชน์ของตัวเอง(แต่มาบอกว่าเพื่อประโยชน์ของคนทั้งชาติ)ก็คงจะดีไม่น้อย
แต่ไม่ชอบที่ให้เดินชุมนุมประท้วงบ่อยๆเลย เพราะว่ารถติดมากก ธรรมดาก็ติดอยู่แล้ว ยังมาเดินกันให้รถติดเพิ่มขึ้นอีก จะบ้าตาย เหอๆ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เหนด้วย กับ คุณ ไม่ระบุชื่อ ถ้าเราไม่เหนแก่ประโยชน์ส่วนตัว ประเทศชาติ คงไม่พบวิกฤติ อย่างนี้หรอก

ฮิรุม่า โยอิจิ กล่าวว่า...

เดี๋ยวนี้การเมืองไทยเริ่มแตกแยกมากขึ้นอ่ะ

ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง