03 กรกฎาคม 2551

เปิดตัวครั้งแรกของ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย



10 ก.พ. 2549 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดตัวอย่างเป็นทางการวานนี้ ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ระบุจะเคลื่อนไหวไปจนกว่านายกรัฐมนตรีจะลาออก
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) เป็นผู้แถลงรายละเอียด โดยกล่าวว่า องค์กร
"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ถือเป็นการรวมตัวที่ต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ เป็นการรวมกันเฉพาะกิจ ซึ่งการใช้เวลาดำเนินกิจกรรมร่วมกันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี
“เฉพาะกิจในที่นี้อาจจะ 1 สัปดาห์ 1 เดือน หรือ 2 ปี เราไม่ทราบ แต่ว่าภารกิจหลักของเราก็คือผูกอยู่กับการตัดสินใจของท่านนายกฯ ด้วย ถ้าตัดสินใจลาออกตามข้อเรียกร้อง อายุของกรรมการชุดนี้ก็อาจจะจบไปด้วย แต่ถ้าท่านยืนยันที่จะอยู่ต่อ ภารกิจของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ต้องอยู่ต่อ”
โครงสร้างของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ใช้รูปแบบคณะกรรมการ และมีที่ปรึกษา โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ฝ่ายด้วยกัน คือ ฝ่ายวิชาการ ฝ่ายรณรงค์เคลื่อนไหว ฝ่ายประสานงานพันธมิตร และฝ่ายกองเลขาการ แนวร่วมที่ได้มีการประสานงานกันอย่างเป็นทางการ และจะทำงานคู่ขนานกันไปมี 4 กลุ่มได้แก่
กลุ่มแรก ผู้ทรงคุณวุฒิทางสังคม มีนายสุเทพ อัตถากร เป็นแกนนำ
กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มวุฒิสภาเพื่อการปฏิรูปการเมืองขณะนี้ประกาศเข้าร่วม 9 คน มีน.พ. นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
นายการุณ ใสงาม และนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ เป็นอาทิ
กลุ่มที่ 3 คือเครือข่ายนักวิชาการเพื่อการปฏิรูปการเมือง นำโดย นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล และนายบรรเจิด สิงคะเนติกลุ่มที่ 4
เครือข่ายองค์กรชาวบ้านในต่างจังหวัดซึ่งขึ้นอยู่กับความสะดวกในการประสานงาน
สำหรับ พันธกิจของพันธมิตเครือข่ายประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มี 3 ข้อคือ
ข้อที่ 1 รณรงค์ผลักดันให้นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ขาดความชอบธรรมขั้นพื้นฐาน ลาออกจากตำแหน่ง
ข้อที่ 2 เปิดโปงความไม่ชอบธรรม และวาระซ่อนเร้นของระบอบทักษิณ
ข้อที่ 3 ประสานกลุ่มพลังต่างๆ ในสังคม ผลักดันการปฏิรูปการเมืองไทยครั้งที่ 2 โดยยึดแนวทางลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน
นายสุริยะใสกล่าวว่า หลักการทำงานของพันธมิตรเครือข่ายประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคือ เน้นการมีส่วนร่วม โดยยึดรูปแบบการประสานงานภายใต้ฉันทามติของกลุ่ม ไม่ผูกมัด และคำนึงถึงความเป็นอิสระขององค์กรเครือข่าย หากจะเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเด็นและกิจกรรมอื่นๆ ก็จะให้อิสระต่อกัน
แนวทางการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบไปด้วย
1. การใช้แนวทางกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เช่น ร่วมเข้าชื่อประชาชน 50,000 รายชื่อ ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 303 304 ถอดถอนนายกฯ ทักษิณ ออกจากตำแหน่ง
2. ล่าประชามติประชาชนทั่วประเทศ เรียกร้องให้นายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่านายกฯ ทักษิณ มีพฤติกรรมเข้าข่ายซุกหุ้น ภาค 2 และจะยื่นประชามติที่ได้ทั้งหมดให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญกลับตัวกลับใจ คืนโอกาสที่มอบให้คุณทักษิณไปเมื่อ 5 ที่แล้ว กับสังคม เพราะโอกาสที่ให้นายกฯ คนนี้ไป นายกฯ ได้ใช้โอกาสนั้นไปกอบโกยและแสวงหาประโยชน์กับพวกพ้องและตระกูลตนเองอย่างให้อภัยมิได้ ฉะนั้น ตุลาการ มีไม่กี่ท่านหรอก 2-3 ท่าน ที่สารภาพว่าให้โอกาสคุณทักษิณเพียงเพราะมีประชาชนล้านกว่าคนล่าชื่อไป และกลัวศาลรัฐธรรมนูญถูกเผา
3. การใช้แนวทางเคลื่อนไหวมวลชน เช่น จัดชุมนุมปราศรัยใหญ่และย่อย ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง เพื่อชี้ให้เห็นถึงอันตรายของระบอบทักษิณ นี่จะมีการแจกแจงรายละเอียดอีกทีหนึ่ง หลังจากมีการประชุมคณะกรรมการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยครั้งแรก จะมีการแถลงปฏิทินกิจกรรมให้เห็นทั้งหมด
4. จัดอภิปรายเสวนาทางวิชาการ เพื่อให้ข้อมูลอีกด้านกับประชาชนและสังคม ได้เห็นถึงความฉ้อฉลและความล้มเหลวทางนโยบายของรัฐบาล
5. จัดทำสื่อสิ่งพิมพ์ โปสเตอร์ สติ๊กเกอร์ แผ่นพับ หรือวีซีดี เพื่อเผยแพร่ความจริงที่ถูกปกปิด บิดเบือน สู่สาธารณะอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง (ตัวอย่างสติ๊กเกอร์) อันนี้ชาวต่างประเทศอยากมีส่วนร่วมก็ใช้ตัวนี้ "Thaksin Out" นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง "ทักษิณ ออกไป" อันนี้อาจจะเหมาะกับวัยรุ่น ไทยคำ อังกฤษ ทำมา 3 แบบ ตามสเปก แล้วแต่จะเลือก
ทั้งนี้ นายระพี สาคริก นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ และ นายปราโมทย์ นาครทรรพ ได้รับเป็นที่ปรึกษาให้กับพันธมิตรประชาชนฯ ด้วย
สำหรับกรรมการของพันธมิตรประชาชน ฯ จำนวน 15 คนประกอบไปด้วย นายพิทยา ว่องกุล ประธาน ครป., นายพิภพ ธงไชย ที่ปรึกษา ครป., นางเรวดี ประเสริฐเจริญสุข ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน( กปพช.), น.ส. รสนา โตสิตระกูล เครือข่าย 30 องค์กรต้านคอร์รัปชั่น, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองภาคประชาชน, ตัวแทนนายสนธิ ลิ้มทองกุล ,นายปรีดา เตียสุวรรณ เครือข่ายนักธุรกิจเพื่อการปฏิรูปการเมือง, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นักวิชาการจากสถาบัยราชภัฎนครราชสีมา, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายศิริชัย ไม้งาม, คุณสุวิทย์ วัดหนู จากองค์กรสลัมเพื่อประชาธิปไตย, น.ส. กชวรรณ ชัยบุตร เลขาธิการ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.), นายวีรพล โสภา, นายอวยชัย วะทา จากเครือข่ายครูคัดค้านการถ่ายโอนสถาบันการศึกษาขั้นพื้นฐานไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และนาย เพียร ยงหนู


ที่มา http://www.ftawatch.org/news/view.php?id=8036

6 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เบื่อการเมืองไทยมากกกกกกกกก

ทะเลาะกันอยู่นั่นแหละ

เอาเวลาไม่แก้ปัญหาบ้านเมืองดีกว่ามั้ง

น่าเบื่อ

คนเขาเดือดร้อนกัน

รู้กันบ้างมั๊ย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ถึงการเมืองไทยมันจะน่าเบื่อแค่ไหน แต่ในฐานะของคนไทย เราก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เราเลือก แม้บางครั้งมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราต้องการก็ตาม
เราเป็นประเทศที่เรียกตัวเองว่า ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ที่เชื่อในพลังเสียงส่วนใหญ่ ฉะนั้นเมื่อเสียงส่วนใหญ่ว่าไง เราก็ต้องยอมรับ เพราะไม่ว่าจะเสียงส่วนใหญ่หรือเสียงส่วนเล็กก็ล้วนแล้วแต่มาจากเราคนไทยทั้งหลายนั้นแหละพี่น้อง

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

การเมืองไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ
แต่.....
ต้องติดตาม

การเมืองไม่ใช่เรื่องไกลตัวคนไทยเลยสักนิด
อยู่รอบๆตัวเรานี่แหละ
อาจมีตั้งแต่ในบ้านตัวเองแล้วล่ะมั้ง
พ่อว่าอย่าง แม่ว่าอย่าง แล้วก็ต้องมาลงมติกัน
ว่าใครจะเอาแบบไหน
ตามเสียงที่มากกว่า
จิงม่ะ
แต่นี่มันเป็นแค่ปัญหาภายในบ้านเล็กๆไง
เรื่องราวจึงไม่เป็นที่รับรู้ของคนทั่วไป

แต่พอมาถึงระดับประเทศ
มีคนรับรู้เรื่องราวเป็นล้านชีวิต
ไม่ใช่สามสี่ชีวิตเหมือนในบ้าน
ความวุ่นวายย่อมบังเกิดเป็นธรรมดา

อันนี้ก็ต้องรอดูกันต่อว่าการเมืองไทยจะเป็นอย่างไร

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ช่าย การเมืองเป็นเรื่องของคนไทยทุกคน
ทุกคนล้วนแล้วแตมีสิทธิที่จะออกเสียง สิทธิที่จะเสนอแนะแนวความคิด อยู่ที่ว่าเราจะใช้สิทธินั้นหรือไม่
มากน้อยเพียงใด และเพื่อใคร
หลายคนใช้สิทธิเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพิ่อผู้อื่น แต่ก็อีกจำนวนไม่น้อยที่ใช้ทธินั้นเพื่อประโยนช์ส่วนตน
เฮ้อ!!!!!!! วุ่นวายน้อ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อัพข่าวใหม่กว่านี้ได้มั้ยอ่ะ

ข่าวนี้เก่ามากกกกก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เบื่อๆๆ การเมืองไทยย


เมื่อไรจะจบสะที่งับบ


แต่เราก้อหนีไม่พันเพราะการเมืองไทยเปงเรื่องของทุกคน

เราจะต้องสู้ๆๆๆ ต่อไป


จาก ประชาขนผู้น่ารัก