05 ตุลาคม 2551

ปฏิเสธไม่ใช่แผนเรียกคน กรณีจำลองถูกตำรวจรวบตัว

เวลา 10.00 น. วันนี้ (5 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายพิภพ ธงไชย 2 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายพิภพ กล่าวว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แม้ว่า จะเสี่ยงต่อการถูกจับกุมตัว แต่ พล.ต.จำลอง มีมโนธรรมสำนึกในการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ การตัดสินใจของ พล.ต.จำลอง เป็นความกล้าหาญทางจริยธรรม เป็นการตัดสินใจที่ไม่มีความกลัว และเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่แสดงให้สังคมเห็นว่า ระหว่างมโนธรรมสำนึกกับความกล้า สุดท้ายเมื่อมนุษย์ต้องการทำสิ่งที่ถูกต้อง ต้องขจัดความ กลัวออกไป พล.ต.จำลอง ได้ผดุงความถูกต้อง ด้วยการทำหน้าที่
แกนนำพันธมิตรฯ คนเดิม กล่าวถึงคำถาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเหมือนกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬหรือ ไม่ ว่า ไม่ใช่ ปัญหาที่จะตามมาเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะดูแลไม่ให้สถานการณ์บานปลาย อย่างไรก็ตาม การไปใช้สิทธิของ พล.ต.จำลองไม่ใช่แผนการระดมคนมาชุมนุม แต่เป็นการไปทำหน้าที่
นายพิภพ กล่าวอีกว่า รัฐบาลเป็นคนสร้างเงื่อนไขเอง รัฐบาลต้องเป็นคนแก้ปัญหา พันธมิตรฯ จะนำการชุมนุมไปโดยสงบและสันติตามเป้าหมายเดิมที่มีอยู่ โดยรัฐบาลพลังประชาชนต้องออกไป รัฐบาลไม่มีความ ชอบธรรมที่จะทำการเมืองใหม่ ตอนนี้ รัฐสภากำลังจะเล่นเกมอยู่ตลอดเวลาทั้งการเอารัฐธรรมนูญของ นพ.เหวง โตจิราการ และการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) พล.ต.จำลอง ไม่ได้อยู่ในเกมนี้ แต่อยู่ในความถูกต้อง
ด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การระดมคนไม่จำเป็นต้องให้คนมาจับ สามารถประกาศให้ประชาชนมาชุมนุมได้ ส่วนจะมีแกนนำออกไปแสดงความกล้าหาญอีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ที่อาจมีก็ได้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร การจะไปที่ไหนต้องมีการหารือในระหว่างแกนนำ
แกนนำพันธมิตรฯ คนเดิม กล่าวถึงคำถาม การเจรจาระหว่างรัฐบาลกับพันธมิตรฯ จะยังคงมีอยู่หรือไม่ ว่า ถ้าเป็นแบบนี้ คงไม่มีการเจรจา ไม่ได้พูดว่าปิด แต่เมื่อสถานการณ์ไม่มีความจริงใจคงไม่ต้องพูดอะไรกับคนที่ไม่รับผิดชอบ


ที่มา http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=106589

13 กันยายน 2551

4 ผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. เปิดนโยบายสิ่งแวดล้อมเมือง

4 ผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.เปิดนโยบายสิ่งแวดล้อมเมือง เน้นเพิ่มพื้นที่สีเขียว ลดมลพิษทางอากาศ แก้จราจร ยกระดับคุณภาพชีวิต
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน มีการจัดเสวนาเรื่อง วิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ จัดโดยสมาคมนักข่าวสิ่งแวดล้อม มีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน หมายเลข 5 พรรคประชาธิปัตย์ นายประภัสร์ จงสงวน หมายเลข 10 พรรคพลังประชาชน นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ หมายเลข 2 สังกัดอิสระ นางลีนา จังจรรจา หมายเลข 7 สังกัดอิสระ เข้าร่วมงาน ด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครหมายเลข 8 ติดภารกิจ
นายอภิรักษ์กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมใน กทม.นั้นมีด้วยกันหลายส่วนคือ เรื่องของระบบน้ำท่วม กทม.ซ้ำซากโดยจะทำแนวกั้นน้ำท่วมรอบแม่น้ำเจ้าพระยา จะขยายแก้มลิงตามแนวพระราชดำริอีก 20 แห่งตั้งเป้าจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ได้อีก 3,000 ไร่ ส่วนปัญหาขยะใน กทม.จะทำธนาคารขยะในโรงเรียนโดยให้นักเรียนนำขยะจากบ้านมาฝากและเปลี่ยนเป็นเงิน

ส่วนนายประภัสร์กล่าวว่า หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.นโยบายสิ่งแวดล้อมสำคัญคือจะเน้นเรื่องของการบริหาร โดยเฉพาะการควบคุมให้มีการปฏิบัติอย่างจริงจัง เพราะ กทม.เองมีหน่วยงานที่จะดูแลเรื่องของสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว แต่ไม่ได้มีการเข้มงวดให้เกิดการปฏิบัติ ทำให้งานด้านสิ่งแวดล้อมไม่ได้ผลตามแผนที่เขียนไว้ จึงทำให้การแก้ปัญหาไม่สัมฤทธิผล
“ปัญหาสิ่งแวดล้อมในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาการจราจร ดังนั้นต้องแก้ปัญหาด้านจราจรให้ได้ ซึ่งจากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านการจราจรจะเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้น โดยเน้นการปฏิบัติไม่ทำให้นโยบายอยู่แต่ในแผ่นกระดาษ” นายประภัสร์กล่าว

ด้านนางลีนากล่าวว่า จะเน้นเรื่องของคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ มากกว่า หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.จะให้ความสำคัญกับการจัดเก็บขยะ จะให้เงินเดือนเพิ่มกับพนักงานเก็บขยะของ กทม.จะแจกถุงดำให้ชาว กทม.ทุกบ้าน เพื่อให้แยกขยะ บ้านไหนไม่แยกขยะ ก็จะไม่เก็บขยะให้

ส่วนนายเกรียงศักดิ์กล่าวว่า จากผลการสำรวจพบว่า ที่ผ่านมาคนกรุงเทพฯ ต้องผจญกับปัญหาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ มากมาย ถึงเวลาที่จะต้องฟอกพิษให้แก่กรุงเทพฯ เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น ทั้งสวนหย่อม สวนป่า หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.จะสนับสนุนให้มีการสร้างสวนหย่อมลอยฟ้า บนดาดฟ้าตึกในกรุงเทพฯ ให้มากขึ้น ส่วนสารไดออกซินและฟิวแรน ที่เกิดจากเมรุเผาศพจะให้วัดทุกวัดใน 50 เขตของ กทม. มีเมรุเผาศพแบบมาตรฐาน เพื่อแก้ปัญหามลพิษเหล่านี้

07 กันยายน 2551

นักศึกษากู้ชาติ 80สถาบัน หยุดเรียนไล่ สมัคร

นัดหยุดเรียน 9 กันยายน นักศึกษานับพันคนเดินขบวนจากมัฆวานฯไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขับไล่ "สมัคร"

นักศึกษากู้ชาติกว่าพันคนเคลื่อนไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขับไล่นายกรัฐมนตรี คดีนักศึกษาไม่คืบ "จงรัก" วอนอย่าชุมนุม ขัดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน นักศึกษากู้ชาติรวมพลดาวกระจายค่ำนี้- นัดหยุดเรียน 9 กันยายน

นักศึกษากู้ชาติ กว่าพันคนเคลื่อนไปอนุสาวรีย์ปชต.ขับไล่นายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. เครือข่ายนิสิต นักศึกษา เยาวชนกู้ชาติ ( Young PAD ) ซึ่งมีนักศึกษาจาก 80 สถาบันทั่วประเทศกว่าพันคนนัดรวมพลชุมนุมใหญ่เพื่อเป็นการแสดงพลังที่สะพาน มัฆวานรังสรรค์ เคลื่อนพลดาวกระจายไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อแสดงพลังการเมืองขับไล่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี


นักศึกษากู้ชาติ รวมพลดาวกระจายค่ำนี้-นัดหยุดเรียน9 กันยายน
ก่อนหน้านี้เครือข่ายนิสิต นักศึกษา ได้นัดรวมพลชุมนุมใหญ่เพื่อเป็นการแสดงพลังที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ พร้อมเตรียมเคลื่อนพลดาวกระจาย 2 จุดในค่ำวันนี้ เพื่อประกาศอิสรภาพของนักศึกษา รวมถึงมีการนัดหยุดเรียนตั้งแต่วันอังคารที่ 9 กันยายน ส่วนจะหยุดถึงเมื่อใดนั้น จะต้องขอมติจากกลุ่มอีกครั้ง

คดีนักศึกษาไม่คืบ -"จงรัก" วอนอย่าชุมนุม ขัดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ 13.30 น. วันที่ 6 กันยายน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาบล พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น. แถลงข่าวภายหลังการประชุม

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวถึงกรณีนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 2 คน ขณะเดินทางไปประท้วงขับไล่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่บ้าน เมื่อวันที่ 4 กันยายน ว่า คดีนี้ยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน โดยตำรวจตั้งสาเหตุไว้ 3 - 4 ประเด็นกว้างๆ ส่วนกรณีที่นักศึกษากดดันตำรวจให้หาคนร้ายมาลงโทษใน 2 สัปดาห์นั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะตำรวจต้องใช้เวลาสอบสวน นอกจากนี้ ยังมีคดี ลัก วิ่ง ชิง ปล้น อีกมากมาย ไม่ใช่คดีนี้คดีเดียวที่ต้องทำ ส่วนการพสเกตซ์ภาพคนร้ายนั้น จากการสอบสวนพบว่าไม่มีใครเห็นหน้าคนร้ายอย่างชัดเจน จึงต้องหาหลักฐานต่อไป


ส่วนกรณีที่นักศึกษาเรียกร้องให้ไปรวมตัวกับพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตยนั้น พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า อยากขอร้องน้องๆ ให้พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอย เพราะการชุมนุมจะละเมิดประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ ตำรวจยังประจำการอยู่ตามสถานที่ต่างๆ เช่นเดิม และรอฟังคำสั่งจากทหารว่า จะให้ปฏิบัติอย่างไรต่อไป

ด้านพล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 กล่าวว่า กรณีที่นักศึกษาถูกยิง ได้สั่งการฝ่ายสืบสวนไปตรวจสอบภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดแล้ว แต่ในสถานที่เกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด อย่างไรก็ตาม สามารถจับภาพรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยได้ ซึ่งต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่าจะพิจารณาออกภาพสเกตซ์ได้หรือไม่

ที่มา http://hilight.kapook.com/view/28581

03 กันยายน 2551

ฟังเสียงของประชาชน

น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่วิกฤติการเมืองในประเทศไทย ไม่สามารถแก้ไขได้โดยสันติวิธี ไม่ว่าจะโดยกระบวนการของรัฐสภา หรือกระบวนการยุติธรรม แต่ความขัดแย้งทางการเมืองได้นำไปสู่การใช้ความรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง ถึงกับเลือดตกยางออก จากการปะทะกันระหว่างคนสองกลุ่มที่มีความเห็นต่างกัน ฝ่ายหนึ่งปักหลักชุมนุมยืดเยื้อเพื่อขับไล่รัฐบาล อีกฝ่ายหนึ่งออกมาสนับสนุนรัฐบาล จากการปะทะกันระหว่างคนสองกลุ่ม ทำให้รัฐบาลประกาศสถานการณ์ ฉุกเฉินในกรุงเทพมหานคร เพียงวันเดียวหลังจากที่มีความพยายามที่จะแก้ไขวิกฤติการเมือง โดยผ่านกระบวนการรัฐสภา แต่ประสบความล้มเหลว ที่ประชุมร่วมของสองสภาไม่มีมติที่เป็นรูปธรรม ในการยุติความขัดแย้งโดยสันติ สมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ได้แต่พูด พูด พูด และโทษซึ่งกันและกัน จึงหาข้อยุติร่วมกันไม่ได้ แม้จะมีข้อเสนอจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ว.บางส่วนให้นายกรัฐมนตรีลาออกหรือยุบสภา เพื่อป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น แต่ก็ถูกปฏิเสธในทันที ที่ประชุมร่วมรัฐสภาจึงประสบความล้มเหลว แม้แต่การประกาศใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุนเฉิน ก็ไม่สามารถรับประกันว่าจะแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ เพราะเป็นความขัดแย้งทางการเมืองที่ร้าวลึก ระหว่างคนสองฝ่าย พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กล่าวว่าภารกิจที่สำคัญของคณะกรรมการ ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีคือ ป้องกันไม่ให้คนสองกลุ่มปะทะกัน และไม่ให้ใช้ความรุนแรงต่อกัน จึงไม่มั่นใจว่าจะแก้ไขความขัดแย้งทาง การเมืองได้หรือไม่ ทั้งยังตั้งความหวังไว้ว่ารัฐสภาจะเป็นผู้แก้ไขความขัดแย้งทางการเมือง
จากประสบการณ์ที่ผ่านมารัฐบาลได้ประกาศใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ทั้งยังดูเหมือนว่าจะมีประกาศกฎอัยการศึก ทับซ้อนเข้าไปอีก แต่ก็ยังไม่สามารถฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยได้ เพราะเป็นปัญหาที่ซับซ้อนทั้งทางการเมือง เชื้อชาติ ศาสนา ไม่ใช่ปัญหา “โจรกระจอก” อย่างที่บางคนกล่าวอ้าง จึงไม่อาจแก้ได้ด้วยแค่การใช้กฎหมาย น่าเสียใจที่การเลือกข้างที่ต่างกันทางการเมือง นำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรง ส่วนหนึ่งเพราะการปลุกระดมความผิด ผ่านสื่อที่เลือกข้างที่ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะการใช้ เสรีภาพที่อาจจะล้ำเส้น และถูกซ้ำเติมด้วยผู้ นำรัฐบาล ที่ไม่เข้าใจและไม่ยอมรับ “การเมืองภาคประชาชน” เพราะถือว่าเป็น “แก๊งข้างถนน” จึงมุ่งแก้ไขด้วยอำนาจทางกฎหมาย ท่ามกลางความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่ ทุกฝ่ายต่างอ้างประชาชนเป็นเกราะกำบัง จึงหวังว่าน่าจะฟังความเห็นที่แท้จริง ของประชาชนทั่วประเทศ จากผลการสำรวจของ สำนักวิจัยเอแบคโพล 79.4% เป็นห่วงว่าความ ขัดแย้งทางการเมือง จะทำให้ไทยกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ส่วนวิธีการแก้ปัญหา 81.7% อยากให้เจรจากันโดยสันติ 84.6% ให้ยึดกระบวน การยุติธรรม และ 90.8% ให้รู้รักสามัคคี.

ที่มา www.thairath.co.th/news.php?section=politics01&content=102902

01 กันยายน 2551

สมัคร ย้ำไม่ยุบสภา-ลาออก ต้องประคองบ้านเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 สมัยสามัญนิติบัญญัติ เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. ที่ผ่านมา (31 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ลุกขึ้นอภิปรายเสนอยุบสภา เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย
ด้านนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่สมาชิกรัฐสภาหลายท่านเสนอให้ตนลาออก หรือยุบสภา เพื่อเป็นทางออกของปัญหาวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้นั้น ส่วนตัวก็เห็นด้วย แต่เนื่องจากเวลานี้ บ้านเมืองเราที่อุตสาห์เดินมาถึง 76 ปี มีระบอบประชาธิปไตยที่ทั่วโลกชื่นชม มันเคยมีแบบนี้หรือไม่ มันมีเหตุผลสมควรหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า การที่มาบอกว่าตนพูดจาเหมือนอาลัยอาวรณ์ตำแหน่งนั้น ขอบอกว่าตนมาทำหน้าที่นี้ เพราะไปรับอาสามา และก็ต้องทำให้ตลอดรอดฝั่ง พิสูจน์หน่อยว่าตนอยากได้ใคร่ดีเพื่ออะไร เวลานี้เป็นภาระไม่ใช่ความอยากด้วย ไม่เป็นเสียได้ก็หมดภาระ แต่ว่าเป็นหน้าที่ที่เราจะต้องประคับประคอง ต้องให้บ้านเมืองนี้มีสถานะอยู่กับชาวโลกเขาได้
"ผมไม่ใช่คนดื้อรั้น แต่เวลานี้ผมเป็นคนถือหางเสือบ้านเมืองนี้ ทุกอย่างที่เราจะพูดกันวันนี้คนทั้งบ้านเมืองเขาดูอยู่ การตัดสินใจนั้น ต้องอยู่ที่ผม" นายกรัฐมนตรีกล่าวในที่สุด
ต่อมา นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ลุกขึ้นอภิปราย โดยอ้างว่ามีหลักฐานเป็นเอกสารที่มีผู้นำไปไว้ในรังนกกระจอกใหม่ ของสื่อมวลชนประจำทำเนียบฯ ระบุถึงขบวนการสนับสนุนเงินทุนผ่านพรรคการเมืองหนึ่ง เป็นเงินกว่า 200 ล้านบาท ให้เคลื่อนไหวก่อนหน้าที่จะเกิดรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 พร้อมอ้างถึงบุคคลที่นามสกุลเดียวกับ ส.ส.พรรคการเมืองหนึ่ง

31 สิงหาคม 2551

สมัครกลับถึงกรุงเทพฯหลังเดินทางกลางดึกไปหัวหิน

สมัครกลับถึงกรุงเทพฯหลังเดินทางกลางดึกไปหัวหิน [30 ส.ค. 51 - 13:25]
จากกรณีมีรายงานข่าวว่า กลางดึกที่ผ่านมา นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางด้วยเครื่องบินเล็กของทหาร จากกองการบินกรมการขนส่งทหารบก โดยมีเป้าหมายที่สนามบินบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์นั้น
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (30 ส.ค.) ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.50 น. นายสมัครได้เดินทางด้วยเครื่องบินเล็กของทหารกลับมาถึงกองการบินกรมการขนส่งทหารบก กรุงเทพฯ แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อนายสมัครพบกลุ่มสื่อมวลชนที่เฝ้ารอรายงานข่าวได้พยายามหลบเลี่ยงและเดินทางกลับบ้านพักย่านนวมินทร์

ทั้งนี้ เวลาประมาณ 15.00 น. วันนี้ นายสมัครมีกำหนดเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในการเสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานในพิธีเปิดงาน และมอบธงสัญลักษณ์งานวันแม่ถึงวันพ่อ 116 วันสร้างสามัคคี ที่อาคารใหม่ สวนอัมพร

ที่มา http://www.thairath.co.th/news.php?section=newsthairathonline&content=102446

30 สิงหาคม 2551

พันธมิตรฯพร้อมยุติชุมนุมหาก'สมัคร'ลาออก

พันธมิตรฯคึกคัก คนแห่สมทบมากขึ้นกว่าทุกวัน แกนนำประกาศพร้อมยุติชุมนุม หากนายกฯลาออก
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : เวลา23.00น.ผุ้สื่อข่าวรายงานว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ ตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมา บรรยากาศคึกคัก บนเวทียังคงมีการโจมตีรัฐบาล และเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศชาออก หาก นายสมัคร ออก การชุมนุมจะยุติทันที
ส่วนบรรยากาศทั่วไปประชาชนยังเดินทางเข้ามาในพื้นที่อย่างต่อเนื่องและก็มีบางส่วนที่ทยอยเดินทางกลับ และบางส่วนจับจองพื้นที่ว่าง โดยเฉพาะสนามหญ้า และด้านข้าง และด้านหน้าตึกบัญชาการ เพื่อใช้เป็นที่พักผ่อน
สำหรับแกนนำทั้ง 5 ต่างขึ้นเวทีปราศรัย เมื่อเวลา 22.00 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ขึ้นเวทีปราศรัย และกล่าวแสดงความขอบคุณที่ประชาชนที่เข้าร่วมไม่ขาดสาย
ด้านนายสนธิใช้ช่วงเวลาว่างจากการปราศรัยเดินเยี่ยมเยียนผู้ชุมนุมโดยมีการ์ด รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด


ที่มา http://www.rssthai.com/reader.php?t=politic&r=12156