สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้เป็นไปในทิศทางที่ค่อย ๆ เริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะปัญหาทางด้านเศรษฐกิจนั้นประชาชนคนไทยมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ลดลงมาตลอด ประกอบกับทางรัฐบาลได้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน คนไทยก็พลอยโล่งจากปัญหาราคาน้ำมัน ซึ่งส่งผลถึงความรู้สึกของประชาชนว่าปัญหาต่าง ๆ จะเริ่มคลี่คลายดีขึ้นในไม่ช้านี้ และการที่รัฐบาลได้ออก 6 มาตรการ 6 เดือน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนระดับล่างต่าง ๆ ก็มีผลดีในแง่จิตวิทยาเชิงบวกต่อชีวิตประจำวันของประชาชน จากข้อมูลผลสำรวจความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยประ จำเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ศูนย์พยากรณ์ธุรกิจและเศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้สำรวจพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นปรับเพิ่มขึ้นทุกรายการเป็นครั้งแรกรอบ 4 เดือน หลังจากที่ได้ลดต่อเนื่องติดต่อกันถึง 3 เดือน โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 78.9 เพิ่มจากเดือนมิถุนายน ที่ 78.0 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 71.9 เพิ่มจาก 70.2 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต 79.6 เพิ่มจาก 78.4 และความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 71.8 เพิ่มจาก 70.8 ซึ่งข้อมูลที่ได้มีการสำรวจออกมานั้นเป็นการส่งสัญญาณที่ดีออกมาให้คลายกังวลใจได้ แม้ว่าความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น แต่ก็มีปัจจัยทางลบเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าการชุมนุมที่ยืดเยื้อ และเรื่องการยุบพรรคการเมืองในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ที่ยังไม่มีผลตัดสินออกมาจึงทำให้เกิดการคาดเดาสถานการณ์การเมืองในทิศทางต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งล่าสุดได้มีการพูดถึงการพิจารณาใบแดงของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ซึ่งอาจจะส่งผลถึงการยุบพรรคประชาธิปัตย์อีกพรรคนั้น ก็ถือว่าเสถียรภาพทางการเมืองของไทยยังสั่นคลอนอยู่ตลอดเวลา คงไม่มีใครปฏิเสธอย่างแน่นอนว่า ปัญหาการเมือง ที่เคลื่อนไหวไปในทางลบนั้นกระทบต่อความมั่นคงของชาติบ้านเมืองในทุก ๆ ด้าน เพราะฉะนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมทราบดีว่าประเด็นการเมืองที่จุดขึ้นมานั้นจะส่งผลโดยรวมต่อประเทศอย่างไรบ้าง แต่ความวุ่นวายทางการเมืองที่มีอีกกลุ่มหนึ่งไม่ยอมยุติง่าย ๆ หาเหตุหาเรื่องไปเรื่อย ๆ ก็ย่อมทำให้ความสุขของประชาชนจากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นก็อาจจะหดหายลงไปได้เหมือนกัน ปัญหาเหล่านี้อยาก ให้ผู้เล่นการเมืองทั้งเล่นในกติกาและนอกกติกามองให้ไกลมองให้ถึง ประโยชน์ของชาติบ้านเมือง การเมืองไทยในระบอบประชาธิปไตยก็จะเดินรุดหน้าต่อไปได้โดยไม่สะดุดเว้นวรรค.
ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=61738&NewsType=2&Template=1
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
12 ความคิดเห็น:
จริงๆนะ
ถ้าเศรษฐกิจดี
การเมืองก็จะดีขึ้นด้วย
แล้วจะทำยังไงให้เศรษฐกิจดีล่ะ
ถ้าคนมันยังไม่สามัคคี
มันก็จริง เศรษฐกิจดี
การเมืองก็ดี
แต่ถ้านักการเมือง คนบริหารไม่ดีล่ะ??
นั่นน่ะดิ
ทุกอย่างมันต้องเริ่มตั้นที่จุดเล็กๆ
อย่างเราๆทุกคนนี่แหล่ะ
ถ้าเราเริ่มที่ตัวเรา
จุดที่ใหญ่กว่าตัวเราจะต้องดีขึ้นแน่ๆๆ
มันก้อจิง
ถ้าเศรษฐกิจดีบ้านเมืองก้อดีขึ้นด้วยเช่นกาน
แต่เมื่อไรการเมืองไทยจะสงบสักที
อ่ะนะ มันแน่อยู่แล้วที่ว่า ถ้าเศรฐกิจดี การเมืองมันก็ต้องดีตามแน่นอน เพราะนักลงทุนเค้าเชื่อมั่นในประเทศเรา เค้าก็ต้องมาลงทุนอยู่แล้ว
ถ้าเศรษฐกิจดี
การเมืองก็จะดีขึ้นด้วย
แล้วจะทำยังไงให้เศรษฐกิจดีล่ะ
ถ้าคนไทยยังไม่สามัคคีกันอะ
คนไทยต้องช่วยกันสิ เศรษฐกิจถึงจะดีขึ้น
เอาคนไม่ดีออกไปก่อนเถอะ
แล้วเรามาเริ่มทำสิ่งดีกัน
สร้างเศรษฐกิจที่ดี
สร้างความมั่นคงของบ้านเมือง
ทุกคนจงสามัคคีกัน
ไอ้พวกโกงกินก็เลิกซะเถอะ
เคยได้ยินกันไหมที่เค้าบอกว่า'ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน'อ่ะ
เศรษฐกิจจะดีได้ขึ้นอยู่กับการเมือง
การบริหารประเทศของรัฐบาล
และความสามัคคีกันของทุกคน
การบริหารของรัฐบาลด้านเศรฐกิจถ้าดีก็จะมี
ผลต่อการเมืองด้วย เพราะคนในประเทศจะยอมรับการอยู่ในตำแหน่งของรัฐบาลว่าเหมาะสมแล้วที่จะเป็นผู้บริหารประเทศ ก็ดีนะถ้าเศรฐกิจดีทุกอย่างก้อดี จะได้อยู่กันอย่างมีความสุขซักที
สามัคคักานหน่อยเพ่น่องงงงง
ประเทศจาได้ดีกว่านี้
มัวแต่ทะเลาะกานแล้วได่อาราย
มีแต่เสียกะเสีย
ถูกต้องค่า
เพราะเป็นแบบนี้ล่ะ
เศรษฐกิจบ้ารเมือเราถึงได้ย่ำแย่
ช่วย ๆ ๆ กันน้า
เพื่อประเทศของเรา
แสดงความคิดเห็น